สาเหตุหนึ่งที่นายจ้างและลูกจ้างปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือทำผิด เรื่องแรงงานนั้น เนื่องจากกฎหมายแรงงานมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบ่อย บางมาตรการก็บัญญัติไว้ไม่ชัดแจ้ง ไม่ครบถ้วน จึงเกิดการตีความซึ่งส่วนใหญ่ก็มักตีความเข้าข้างตนเอง ทำให้เกิดข้อพิพาท มีคดีขึ้นสู่ศาล ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย บางครั้งอาจต้องโทษทางอาญา เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว จึงควรต้องศึกษาการตีความของศาล คือ ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ เป็นกลางมีความรู้และมีความเป็นธรรม ในแต่ละปีศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน มีคำพิพากษาคดีแรงงานนับพันเรื่อง ได้วางหลักบรรทัดฐาน ตีความกฎหมายแรงงาน ตีความบทบัญญัติของกฎหมายได้ชัดแจ้ง ตีความอุกช่องโหว่ของกฎหมาย ตลอดจนวางแนวบรรทัดฐานใหม่เพิ่มเติมจำนวนมาก จึงคัดเลือกคำพิพากษาฎีกาใหม่ตั้งแต่ปี 2555-ถึงปัจจุบัน 2559 เฉพาะ เรื่องเลิกจ้าง ที่สำคัญมาทำการวิเคราะห์ ถึงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย จุดด้อย จุดแข็ง ข้อแพ้ ข้อชนะ ของแต่ละฝ่าย และข้อคิด ข้อแนะนำ.ให้ผู้บริหารนำกลับไปใช้ได้อย่างถูกต้องและถูกกฎหมาย

หัวข้อการสัมมนา เริ่มเวลา 09.00-16.00 น (3 Break 1 Lunch)

• คัดคำพิพากษาฎีกา ปี 2555-ปัจจุบัน 2559 เฉพาะเรื่องเลิกจ้าง ที่สำคัญมาทำการวิเคราะห์ถึงข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย ข้อแพ้ชนะ ข้อคิด และแนะนำในแต่ละฎีกาจำนวน 30 คำพิพากษาฎีกาดังต่อไปนี้ 
• หลักเกณฑ์การเลิกจ้าง 
• เลิกจ้างที่ต้องจ่ายค่าชดเชยหรือไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย 
• การให้เหตุผลตอนเลิกจ้าง 
• การบอกเลิกสัญญาจ้าง กรณีที่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากับกรณีไม่ต้องบอกเลิกจ้างล่วงหน้า 
• การเลิกจ้างซึ่งเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม 
• การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม 
• การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้าง 
• การเลิกจ้างที่ต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษ 
• การยื่นคำร้องต่อพนักงานแรงงานสัมพันธ์ 
• การยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน 
• ถาม-ตอบ ปัญหาการเลิกจ้าง