การผลิตสบู่ถ่านเริ่มจากการนำไม้ไผ่ไปเผาที่อุณหภูมิ1000องศาเซลเซียสแล้วนำไปบดให้เป็นผงละเอียดใช้กรีเซอร์ลีนผสมน้ำผึ้งและน้ำมะขามเปียก ตั้งไฟโดยใส่ส่วนผสมทั้งหมดกวนให้เข้ากันเพิ่มความหอมด้วยการผสมน้ำหอมลงไปตักใส่แม่พิมพ์ทิ้งไว้30นาทีจะได้สบู่ถ่าน“ถ่านเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านที่หลายคนไม่ทราบมาก่อนว่ามีประโยชน์และดีต่อสุขภาพ“ชมรมคนเอาถ่าน”จึงคิดค้นสูตรการทำสบู่ถ่านเพราะถ่านช่วยดูดซับคราบสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินบนผิวหน้าทำให้หน้าสะอาด ชุ่มชื่น ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหน้า สบู่ถ่านในชมรมของเราผ่านการรับรองโดยกองยาแผนไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว” ถ่านไม้ไผ่อาจมีอันตรายต่อผิวหนังและการหายใจของผู้ใช้ถ่านไม้ไผ่ที่ผ่านการเผาด้วยอุณหภูมิไม่ถึง1000องศาเซลเซียส ถ่านที่ได้จะเป็นถ่านที่ไม่บริสุทธิ์ มี“ทาร์”(Tar)ตกค้างอยู่ซึ่งทางการแพทย์ยืนยันว่าเป็นสารก่อมะเร็งการใช้ถ่านไม้ไผ่กับผิวหนังหากผงถ่านไม่ละเอียดพอจะทำให้ผิวหนังระคายเคือง นอกจากนี้ถ่านไม้ไผ่ยังช่วยดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งรั่วซึมจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เตาอบและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆด้วยผลิตภัณฑ์ที่ใช้ถ่านไม้ไผ่กับร่างกายมีทั้สบู่ ครีมบำรุงผิว แชมพู ครีมนวดผมและน้ำแร่ปรับสภาพผิว ซึ่งทั้งหมดนี้อาศัยการปล่อยประจุลบและแร่ธาตุในถ่านเพื่อขับล้างสารพิษตกค้างและเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังและเส้นผมนั่นเอง แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเจ้าของ Business Concepts ธุรกิจเครื่องสำอาง เริ่มต้นจากคนเผ่าถ่านสู่เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอาง โดยใช้ประสบการณ์อาชีพจากคนเผาถ่านที่มี Concept ว่าเผาถ่านอย่างไรให้ดีมีคุณภาพ จากนั้นเริ่มพัฒนาสินค้าจากอาชีพที่ทำอยู่ทดลองทำสินค้าที่วาง Business Concepts กับสบู่ถ่านชาโคล ความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอย่างตั้งใจและพัฒนางานที่ทำออกมาตลอดศึกษาหาความรู้เข้าใจการวาง Business Concepts แบบคนเผาถ่านสู่เจ้าของ BRAND ธุรกิจเครื่องสำอาง ทดลองทำสบู่ถ่านชาโคลที่กำลังเป็นที่นิยมเจ้าแรกๆของเมืองไทยไม่เคยกลัวกับคู่แข่งธุรกิจเพราะความเชื่อมั่นในการเผาถ่านว่าไม่มีเจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางเจ้าไหนมาเผาถ่านได้ดี

 

วัตถุประสงค์ ทุกวันนี้ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตนเอง, เลือกที่จะลงทุนในธุรกิจเครื่องสำอางเป็นอันดับต้นๆ ด้วยเหตุผล“ลงทุนน้อย กำไรสูง กลุ่มผู้ใช้มากและเข้าถึงได้ง่าย”ตลอดจนใช้ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อแต่ประเด็นที่ชวนคิดก็คือ... “คุณคิดเช่นนี้ คนอื่นก็คิดเช่นเดียวกับคุณ” แล้วทำอย่างไรให้สินค้าไม่ล้มหายตายจากไปได้แต่กลับเพิ่มโอกาสความยั่งยืน ทวีคูณขึ้นอย่างต่อเนื่อง