บริษัท บารามีซี่ แล็บ จำกัด ศูนย์วิจัยเทรนด์และการออกแบบ จัดงาน FUTURE LAB FORUM 2018: X PERIENCE I X PLORE I X TEND งานเสวนารูปแบบใหม่ที่พาคุณก้าวสู่โลกอนาคตด้วยศาสตร์การวิจัยใหม่ๆ แห่งการพัฒนาไอเดียเพื่อต่อยอดทางธุรกิจที่ผสมผสานองค์ความรู้ทั้งด้านธุรกิจ, การสร้างแบรนด์, การออกแบบ, เทคนิคทางการตลาด และการเข้าถึงผู้บริโภคในยุค “ปลาเร็ว กินปลาช้า” พร้อมเจาะลึก Xperience Design Future Trend 2019 – 2020 สำหรับแวดวงอสังหาริมทรัพย์ยุค 4.0 ครั้งแรกในประเทศไทย ที่นำเสนอผ่านมุมมองและประสบการณ์อันเชี่ยวชาญกว่า 10 ปีของทีมบารามีซี่ แล็บ พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการเพื่อแวดวงธุรกิจและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

 บารามีซี่ แล็บ ทำหน้าที่ในการศึกษาวิจัยข้อมูลต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ภาคธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการสร้างกระบวนการให้เกิดระบบการเรียนรู้และการค้นหาไอเดียนวัตกรรมอย่างแตกต่างแต่แม่นยำ และเกิดองค์ความรู้ในองค์กร นอกจากนี้ยังจัดทำชุดข้อมูลวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาริมทรัพย์ประเทศไทย และ Future Trend ในการออกแบบประสบการณ์ที่จะโดนใจผู้บริโภคยุค 4.0 ผ่านชุดข้อมูล Xperience Design Future Trend 2019 – 2020 เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มในการสร้างสรรค์การออกแบบประสบการณ์ต่างๆ ที่เป็นไปได้ ซึ่งประกอบด้วยประสบการณ์ด้านสินค้า (Product Experience), ประสบการณ์ด้านการบริการ (Service Experience) และประสบการณ์ด้านสร้างบรรยากาศ (Atmosphere Experience) ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชุดข้อมูลในเชิงลึกนี้จะทำให้เห็นแนวโน้มของเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในระดับประเทศ และสามารถนำไปใช้เป็นต้นแบบในการทำวิจัย Customer Insight ต่อไปสำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต

 ภาพรวมของตลาดในยุค 4.0 จะมีผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะแวดวงดิจิตอลเทคโนโลยีที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องการความท้าทายทางประสบการณ์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ส่วนภาพรวมของแวดวงอสังหาริมทรัพย์ของปีนี้ ส่วนใหญ่มีผลต่อเนื่องมาจากโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐบาล อาทิ รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดการขยับขยายด้านที่อยู่อาศัยออกจากเมืองมากขึ้น และเป็นการดีสำหรับเหล่าธุรกิจอสังหาฯ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ มี 2 มิติหลักที่สำคัญ ได้แก่ Trust มิติดั้งเดิม ได้แก่ การสร้างความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ ซึ่งสำคัญมากในแง่เงื่อนไขของความสำเร็จ และมิติที่ 2 คือ มิติแห่ง Experience design ที่สอดคล้องกับความต้องการหรือสะท้อนตัวตน ซึ่งเริ่มมีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนจากการที่ผู้บริโภครับรู้และตัดสินแบรนด์จากประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับตลอดเส้นทางความสัมพันธ์กับแบรนด์นั้นๆ

ปัจจุบันผู้บริโภคในตลาดอสังหริมทรัพย์ไทยยังคงมีพฤติกรรมการเลือกและการตัดสินใจที่ไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก มีแนวโน้มจะเชื่อรีวิวในสื่อออนไลน์มากขึ้น แต่สำนักงานขาย บ้านตัวอย่าง และพนักงานขายก็ยังมีบทบาทอยู่มากเช่นกัน ด้านความต้องการที่อยู่อาศัยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่จะสนใจเรื่องเทคโนโลยีที่เข้ามารองรับการใช้ชีวิตและบริการที่ตอบสนองด้านการอยู่อาศัยและวิถีชีวิตมากขึ้น และยังคงมองหาแบรนด์ใหญ่ในตลาดเป็นหลักเช่นเดิม แต่ก็เริ่มเปิดโอกาสให้ผู้เล่นหน้าใหม่ในตลาดที่มีผลงานน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น รวมถึงเน้นเรื่องของประสบการณ์ใหม่ในสินค้าและบริการที่สร้างความแตกต่างแต่ตอบโจทย์ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาของการใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริงเป็นหลัก และที่สำคัญคือผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มมีทัศนคติที่มองว่าสินค้าอสังหาริมทรัพย์เป็นสินค้าที่แสดงถึงสถานภาพทางสังคมเช่นเดียวกับรถยนต์ ซึ่งภาคอสังหาฯ คารแข่งขันกันสร้างสรรค์ประสบการณ์แบรนด์ให้แตกต่างแต่ตอบโจทย์ เพื่อยกระดับชีวิตของผู้บริโภค

ปรมา ทิพย์ธนทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทรนด์และการออกแบบ เปิดเผยถึงการทำงานของบารามีซี่ แล็บว่า “ปัจจุบันเรามี 3 บริการหลัก คือ Future Lab Research การวิจัยรูปแบบใหม่สำหรับการเจาะหาอนาคตให้ภาคธุรกิจ, Future Trend ข้อมูลวิจัยเทรนด์ที่เจาะลึกในวงการต่างๆ และ Brand Future Evaluation การวิจัยประเมินประสิทธิภาพแบรนด์สู่อนาคต โดยเรามุ่งเน้นการค้นหาโอกาสแห่งการเติบโตของธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจมีกระบวนการและองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการพัฒนาแบรนด์สู่การแข่งขันในโลกยุค 4.0 โดยเราใช้ Future Lab Process หรือกระบวนการวิจัยรูปแบบใหม่ที่เราพัฒนาขึ้นเพื่อมุ่งเน้นการค้นหา “ความต้องการที่แท้จริง” ของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างอนาคตให้กับแบรนด์และธุรกิจ การเสนอขอบข่ายของไอเดียใหม่ๆ การสร้างสรรค์กลยุทธ์แบรนด์ เพื่อค้นหา New Business Model และค้นหา New Strategy ทางการออกแบบหรือการตลาด โดยเป็นการผสมผสานกระบวนการทำงานของการค้นหาความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภค การพัฒนาการออกแบบประสบการณ์ การวิจัยเทรนด์ และองค์ความรู้ของการสร้างแบรนด์ในยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน”

“เนื่องจากลูกค้าของเรามักเป็นธุรกิจที่ต้องการสร้างประสบการณ์แบรนด์ที่โดดเด่น โดยแบ่งได้เป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 30%, กลุ่มธุรกิจรีเทล 20%, กลุ่มธุรกิจวัสดุตกแต่งในวงการสถาปัตยกรรม 20%, กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว 20% และกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ราว 10% และใช้งบประมาณในการลงทุนด้านการวิจัยประมาณ 15% ต่อปี และในอนาคตเราวางแผนที่จะพัฒนา Innovation ใหม่ๆ โดยมีการทำวิจัยภายในอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจไทยปรับตัวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และน่าจะเริ่มจัดกิจกรรม workshop รูปแบบ Trend gymnasium ที่เอาข้อมูลมาย่อยและนำไปใช้สำหรับแต่ละองค์กรในอนาคต” ปรมากล่าวปิดท้าย

บารามีซี่ แล็บ ศูนย์วิจัยเทรนด์และการออกแบบ เดินหน้าจัดสัมมนา Future Lab Forum 2018

พร้อมเปิดชุดข้อมูลวิจัยเทรนด์ตอบโจทย์อสังหาฯ ยุค 4.0