20 วิธีค้นหาตัวตน มุ่งทำอาชีพแบบถูกจุด
พัฒนาตนเอง พัฒนาบุคลิกภาพ

จำนวนเข้าชม 5466 ครั้ง

20 วิธีค้นหาตัวตน มุ่งทำอาชีพแบบถูกจุด

Sponsored
อบรมออนไลน์หลักสูตร เจาะลึก เพื่อแก้ปัญหางานจัดซื้อ (Deep in Purchasing Job)

เจาะลึกพิเศษ..เพื่อแก้ปัญหางานจัดซื้อ (Deep Solution +Plus for Purchasing)   ...

ดูรายละเอียด
เทคนิคการเช็คสต็อกอย่างมีประสิทธิภาพ ( Efficient Stock & Inventory Control Technique )

หลักการและเหตุผล     การควบคุมสินค้าคงคลัง เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคั...

ดูรายละเอียด

โหลๆ 123… ฮะเก๋าหวัดดีฮ่ะ มาเจอกับฮะเก๋าอีกแว้วววว…

 

ฮะเก๋ามาทีไรก็จะหยิบความรู้ดีดีมาฝากอยู่เป็นประจำ แต่วันนี้จะเอาอะไรมาฝากน้า… ติ๊กต๊อกๆ

อ่า…ไม่มีอะไรมาก… แค่อยากบอกว่า… “มาค้นหาตัวตนกันเถอะ” กับ “20 วิธีค้นหาตัวตน มุ่งทำอาชีพแบบถูกจุด”

 

ที่จะทำให้ทุกคนรู้ใจตัวเองมากขึ้น ว่าอยากทำอะไร ชอบทำอะไร เพื่อจะได้มุ่งทำอาชีพที่ตัวเองรักอย่างมีความสุขไงล่ะ #แหล่มลอยยยยยย

 

ปล.สำหรับคนที่เข้วงขว้าง ทำอาชีพนี้ก็เบื่อ ทำอาชีพนี้ก็ไม่ใช่ นั่งมองนาฬิกาตลอดๆ แล้วพูดในใจว่า เดินเร็วๆ หน่อยได้ไหม??

 

**นี่มันคือสัญญาณเตือนว่า สิ่งที่ทำอยู่มันไม่ใช่ตัวตนของเรา** T^T

 

ฮ่ะฮ่า…ถ้าเช่นนั้นมาค้นหาตัวตนไปกับฮะเก๋ากันโล้ดดดดด

อ่านเล้ย อ่านเสร็จทบทวนตัวเอง แล้วเริมใหม่ก็ยังไม่สายนะฮ่ะ

 

#อ่านแล้วแชร์วนไป

#สัมมนาดีดี

 

1.เรียงลำดับความชอบ

วิธีค้นหาตัวตนที่ง่ายแสนง่ายคือ การเรียงลำดับความชอบ โดยให้นำกระดาษเปล่ามา 1แผ่น พร้อมเขียน 1-10 แล้วให้คิดว่า ภายใน 1-10 นี้ มีอาชีพไหนที่อยากทำ และมีอาชีพไหนที่ชื่นชอบบ้าง แต่ต้องเอาอาชีพที่ชอบที่สุดไว้ข้อแรกนะ จะได้รู้จักตัวตนมากขึ้น

 

2.เวลาว่างชอบทำอะไร

เชื่อว่าทุกคนเวลาว่างๆ ต้องหางานอดิเรกทำอย่างแน่นอน อาทิ ฟังเพลง เล่นดนตรี แต่งกลอน ปลูกดอกไม้ ทำอาหาร เป็นต้น และสิ่งเหล่านี้เองที่จะช่วยให้คุณค้นพบตัวตนมากขึ้น

อันดับแรกเมื่อรู้ว่าเวลาว่างชอบทำอะไร ก็ให้ลองนำสิ่งนั้นมาประยุกต์เป็นอาชีพของตัวเอง ตัวอย่างเช่น ชอบปลูกต้นไม้ คุณอาจจะหาวิธีเพาะพันธุ์พืชขาย หรือทำสวนดอกไม้ตัดขายตามท้องตลาด เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ได้ทำอาชีพที่ตัวเองรักแล้ว

 

3.ฝันว่าอยากเป็นอะไร

ตอนเด็กๆ มีหลายคนวาดฝันว่า โตขึ้นอยากเป็นหมอ เป็นคุณครู หรือเป็นวิศวกร แต่เมื่อโตขึ้นความฝันเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป อาจจะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง

ฉะนั้นแล้วมาเริ่มต้นฝันใหม่กันดีกว่า เพราะอย่างน้อยตอนนี้คุณก็อาจมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดังนั้น ทุกอย่างฝันได้แต่ต้องลองทำด้วย จะได้รู้ว่าสิ่งๆ นี้ใช่สำหรับตัวเองหรือเปล่า

 

4.ถนัดเรื่องอะไร

ทุกคนมีความถนัดที่ไม่เหมือนกัน และความถนัดเหล่านั้นแหละคือพรสวรรค์ ฉะนั้นแล้วใช้ความถนันให้เกิดประโยชน์กันดีกว่า ด้วยการทำเป็นอาชีพสร้างรายได้นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น คุณถนัดเรื่องการทำอาหาร ลองเริ่มจากการทำข้าวกล่องขายกันดู อาจจะหาลูกค้าจากพนักงานในโรงงาน หรือตั้งร้านขายหน้าโรงเรียน เป็นต้น แล้วถ้าทำไปแล้วมีความสุข นั่นแหละคือสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ

 

5.เปิดหูเปิดตา

วิธีค้นหาตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่ค้นหาเพียงลำพัง แต่ต้องเปิดหูเปิดตารับฟังคนอื่น หรือออกไปหาประสบการณ์จริง ฉะนั้นแล้วมานั่งค้นหาตัวตนว่าอยากทำอาชีพอะไรกันแน่เพียงอย่างเดียวไม่เวิร์ค อย่างนี้ต้องออกไปพิสูจน์จากสถานการณ์จริงจากข้างนอกด้วย

 

6.อย่าใช้ชีวิตแบบจำเจ

การทำงานแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ทำให้คุณไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงว่าชอบอะไร อยากทำอะไร เพราะฉะนั้น การลองไขว่คว้ามองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับชีวิต นับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย และมีสีสัน ดังนั้น ถ้าไม่ใช้ชีวิตแบบจำเจ ก็จะทำให้คุณรู้ได้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตคืออะไร

 

7.มองงานให้เป็นไลฟ์สไตล์

อย่ามองชีวิตการทำงานของตัวเองว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ แต่ให้มองมันเป็นวิถีชีวิตการทำงานที่สามารถสร้างไลฟ์สไตล์ที่เราต้องการได้

รวมไปถึงงานที่ตัวเองทำต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด เพราะทำงานแล้วได้เงินไม่คุ้มเท่า ทำงานแล้วมีความสุข และนั่นคือสัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังมาถูกทางแล้ว

 

8.สอดคล้องกับทัศนคติ

ชีวิตการทำงานของเราเป็นส่วนขยายความเชื่อและมุมมองส่วนตัว ถ้าคุณกำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์ นั่นเพราะว่า คุณกำลังทำในสิ่งที่สอดคล้องกับความคิด

ดังนั้น การอยู่ในตำแหน่งที่สอดคล้องกับทัศนคติเป็นจุดที่ดี จะได้สร้างแรงบันดาลใจ ทำงานตามวิสัยทัศน์ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างชัดเจน ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้โลกที่คุณอยู่มีชีวิตที่ดีและสวยงาม

 

9.ยินดีที่ได้พบเจอ

ชีวิตการทำงานของเรามีค่าน้อยมากถ้าเทียบกับความรัก และความตั้งใจที่จะประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน ฉะนั้น การเดินทางจะมีความท้าทายตลอดเวลา

โดยเฉพาะความยากลำบาก การถูกปฏิเสธ การเสียสละ อุปสรรคเหล่านี้จะกระตุ้นให้เราทำการใหญ่ยิ่งขึ้น ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ให้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับการเรียนรู้และเจริญเติบโต เพื่อมองความลำบากนั้นให้เป็นช่วงเวลาที่สวยงามและมีความสุข

 

10.ทำไมเวลาผ่านไปเร็วจัง

การที่คุณมีความสุขกับการทำงานจนลืมมองนาฬิกาไปเลย พอหันไปดูเวลาอีกทีก็พบว่า ใกล้เลิกงานส่ะล่ะ! โดยไม่รู้สึกเบื่อหรือเหน็ดเหนื่อยเลย ความรู้สึกเช่นนี้ไม่สามารถบังคับได้ เพราะมันจะเกิดขึ้นเองเมื่อเราเจอกับงานที่ใช่

 

11.ปรับห้องทำงานให้ดูดี

การทำงานให้มีความรู้สึกแบบว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่กับงานได้อย่างเต็มที่ และสนุกไปกับงาน แม้ว่างานที่กำลังทำอยู่จะหนักหนวงก็ตาม

ดังนั้น ให้ลองสร้างบรรยากาศในห้องทำงานตามใจตัวเอง เช่น เอาต้นไม้มาประดับ ตกแต่งด้วยรูปภาพ มีตุ๊กตาตั้งโต๊ะ เวลาเหนื่อยกับงานเมื่อมองไปรอบๆ จะได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

 

12.ความรับผิดชอบงาน

เมื่อเราค้นพบว่า ชีวิตการทำงานของเรามันใช่เลย! ซึ่งทุกอย่างมันจะรู้สึกลงตัวไปหมด มีแรงที่จะรับผิดชอบงานทุกเรื่อง โดยไม่มีข้อสงสัยหรือข้อขัดแย้งใดๆ นั่นคือสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า งานที่คุณทำอยู่ใช่สำหรับคุณแล้วล่ะ

 

13.ผู้คนสังเกตเห็นพลังในตัวเรา

ถ้ามีคนมาทักว่า “ทำไมคุณดูมีชีวิตชีวาจัง” หรือ “ฉันไม่เคยเห็นคุณมีความสุขและดูสุขภาพดีขนาดนี้มาก่อน” เป็นต้น ซึ่งสิ่งนี้อาจะเป็นหนึ่งในหลายประโยคที่เราอาจได้ยินจากคนใกล้ตัวของเรา เมื่อคุณอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

ถึงแม้คนรอบข้างคุณอาจจะเคยเป็นห่วงและกังวลในตอนแรก แต่เมื่อเขาเห็นมีความเจริญรุ่งเรื่องในสิ่งที่คุณทำ พวกเขาจะสังเกตเห็นความรักของคุณที่มีต่องาน และสนับสนุนในความพยายามของคุณต่อไป

 

14.นอนหลับให้เต็มอิ่ม

ทุกคืนที่เข้านอน ถ้าคุณขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตลอดวันไปพร้อมกับหลับตาลงอย่างมีความสุข นั่นหมายถึง คุณกำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว

เพราะว่าคุณได้ใช้เวลาทั้งหมดของวันไปกับสิ่งที่รัก และนอนรอที่จะไปทำงานนั้นในวันรุ่งขึ้นอีก ฉะนั้นแล้วสิ่งนี้คือความสุขที่คุณได้จากงานแน่นอน จึงทำให้รู้สึกมีกำลังใจที่อยากจะกลับไปทำงานนั้นเร็วๆ

 

15.คนอื่นชื่นชมคุณเรื่องอะไร

ถ้ามีคนเข้ามาชื่นชมคุณ โปรดรู้ไว้ว่า สิ่งที่คุณทำให้เขา เขามีผลตอบรับในทางที่ดี ยกตัวอย่างเช่น คุณทำอาหารแบ่งปันเพื่อนบ้าน แล้วเพื่อนบ้านเหล่านั้นชื่นชมว่าอาหารคุณอร่อย อยากให้ทำมาให้ทานอีกเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่า มาเลือกเดินทางนี้เถอะ มาเอาดีด้านนี้เถอะ รับรองประสบความสำเร็จแน่นอน

 

16.ทำอะไรแล้วสนุก

หากคุณทำงานแล้วมีความสนุกไปงานนั้นๆ ย่อมส่งผลให้คุณมีความสุข ฉะนั้นแล้วเมื่อเจองานที่ใช่ จงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต่อเนื่อง เพื่อความก้าวหน้าในชีวิต เพราะทุกอย่างมีความสุขได้ ก็มีความทุกข์ได้เช่นกัน

แต่ถ้าหากใครไม่มีความสุข หรือสนุกไปกับงาน ก็ถอยออกมาดีกว่า อย่าไปฝืนหรือกดดันตัวเองเลย เดี๋ยวจะพาชีวิตดิ่งลงเหวมากกว่าเดิม

 

17.ฟังคำวิจารณ์

ทุกคนล้วนมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ดังนั้น ถ้ามีคนอื่นเข้ามาวิจารณ์ถึงการทำงานที่แย่ให้รีบปรับปรุง แต่ถ้าปรับปรุงใหม่แล้วยังโดนวิจารณ์อีก ก็ให้กลับมาคิดใหม่ก่อนว่า คุณเต็มที่กับงานตรงนั้นแล้วหรือยัง?

เพราะถ้าคุณทำงานเพียงแต่หวังให้มันผ่านไปวันๆ มันไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตและอนาคตคุณแน่นอน หรือใครที่ถูกวิจารณ์ว่าทำงานดี ก็ให้พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จชัวร์

 

18.ลองทำว่าใช่ไหม

อย่างที่กล่าวไป เราสามารถวาดฝันได้ว่าอยากเป็นอะไร แต่เมื่อรู้แล้วก็ต้องลงมือทำเช่นกัน แล้วให้ลองพิสูจน์ดูว่า สิ่งที่ทำนั้นใช่หรือไม่ ถ้าไม่ใช่ก็เปลี่ยนไปจนกว่าจะเจอในสิ่งที่ใช่ แต่ถ้าการเปลี่ยนเพื่อหางานที่ชอบส่งผลกระทบต่อชีวิตคุณ ก็หยุดก่อนเถอะ รอเวลาที่เหมาะสมค่อยเดินหน้าต่อก็ยังไม่สาย

 

19.เป้าหมายคืออะไร

เป้าหมายชีวิต คือลู่ทางของความสำเร็จ ดังนั้น ลองตั้งเป้าหมายในชีวิตดูว่าอยากประสบความสำเร็จในรูปแบบไหน แล้วให้หาทางเอาชนะเป้าหมายนั้นให้ได้ แต่ถ้าระหว่างทางเจออุปสรรค ให้ปลอบใจตัวเองเสมอว่า ทุกอย่างคือบทเรียน แต่ถ้ารู้สึกฝืนมากเกินไปก็เปลี่ยนเส้นทางใหม่ เพราะทุกอย่างคือการเริ่มต้นเสมอ

 

20.กิจกรรมยามว่าง

กิจกรรมยามว่าง ช่วยบอกตัวตนคุณได้ดีที่สุด เพราะไม่มีใครหรอกที่อยากทำกิจกรรมยาวว่างในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบ ดังนั้น ลองดูว่ากิจกรรมไหนที่คุณชอบทำบ่อยๆ แล้วลองพัฒนามันให้กลายเป็นอาชีพที่คุณรักดู แล้วคุณก็จะมีความสุขไปกับงานนั้นแน่นอน

 

เคล็ดลับโค้ชฝากบอก ดูเคล็ดลับทั้งหมด »