สิทธิประโยชน์ด้านเขตปลอดอากร (Free Zone) และ เขตประกอบการเสรี (IEAT Free Zone)
หลักการและเหตุผล ผู้ปฏิบัติงานในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการค้าเสรีจำเป็นต้องมีความร...
จำนวนเข้าชม 4886 ครั้ง
หลักการและเหตุผล ผู้ปฏิบัติงานในเขตปลอดอากรหรือเขตประกอบการค้าเสรีจำเป็นต้องมีความร...
ปัจจุบันหลายองค์กรต้องเผชิญกับสภาวการแข่งขันอย่างรุนแรงทางด้านการตลาด อีกทั้งย...
ความขี้เกียจไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
เป็นตัวอันตรายทำลายชีวิตมาหลายคนแล้ว ซึ่งไอตัวขี้เกียจนี้แหละมักมีอยู่ในตัวทุกคน
โดยอาจเกิดจากความเหนื่อย ความเบื่อ และเกิดขึ้นเมื่อจิตใจของเราอ่อนไหว
เมื่อเรารู้สึกขี้เกียจงานทุกอย่างที่กำลังทำ
หรือสิ่งที่จะต้องทำในอนาคตจะหยุดลงทันที เป็นเหตุให้ความสำเร็จเกิดขึ้นช้าลง
ฉะนั้น
เราไม่สามารถใช้ยันต์หรือพระกันความขี้เกียจได้ แต่เรามีวิธีป้องกันความขี้เกียจด้วยสิ่งเหล่านี้
1. คุยกับตัวเอง
เริ่มต้นด้วยการคุยกับตัวเอง ซึ่งมีผลต่อชีวิตและสิ่งที่กำลังจะทำมากเลยทีเดียว
การคุยกับตัวเองในเชิงบวกจะช่วยให้การทำงานพัฒนาในเชิงบวกตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น
หากคุณตื่นมาแล้วอยากพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ต้องเหนื่อย และน่าเบื่อแน่นอน”
แต่เปลี่ยนเป็นพูดว่า “วันนี้จะสนุกและมีสิ่งที่ให้ดีใจมากมาย”
เท่านี้ก็ช่วยให้จิตใจแจ่มใสและกำจัดเชื้อไฟแห่งความขี้เกียจไปได้ระดับหนึ่ง
เพราะมีคนกล่าวไว้ว่า คนเรามีความคิดประมาณ
50,000 ความคิดในแต่ละวัน โดยอย่างน้อย 5,000 ความคิดในนั้นเป็นความคิดเชิงลบ
ซึ่งถือว่ามากพอที่จะทำให้คุณรู้สึกขาดแรงกระตุ้นได้
การสังเกตตัวเองและคุยกับตัวเองบ่อยๆ
โดยเฉพาะเรื่องเชิงบวกจึงมีบทบาทสำคัญที่จะทำให้คุณเป็นคนขยันมากกว่าเดิม
2.หาเวลาพักผ่อน
ต่อมาต้องเอาชนะความขี้เกียจด้วยการพักผ่อน อาจเป็นวิธีที่ดูย้อนแย้งไปนิดหนึ่ง
แต่รับรองได้ว่าเห็นผลดี
เพราะเวลาคุณรู้สึกพึงพอใจจากการพักผ่อนหรือทำสิ่งที่สนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว
คุณจะรู้สึกว่าตัวเองพร้อมสำหรับงานที่ใหญ่และยากมากกว่าปกติ
การปลดปล่อยความคิดให้ล่อลงลอยชั่วขณะจะทำให้คุณรู้สึกกดดันน้อยลง และเต็มใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
เพื่อให้งานสำเร็จมากขึ้น
3.อย่าโฟกัสหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน
ทุกคนต่างมีรายการเป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จหลายอย่าง
อาจทำให้รู้สึกเบลอ ไม่สามารถโฟกัสในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ประสบความสำเร็จได้
ดังนั้น เพื่อให้คุณมีแรงกระตุ้นทำสิ่งเหล่านั้นให้สำเร็จมากขึ้น ต้องตั้งเป้าหมายให้น้อยลง
โดยมองเป้าหมายนั้นใน 1 เดือนว่า จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไร และทิศทางไหน เพราะถ้ามีเป้าหมายเยอะๆ
ในเวลาเดียวกันจะทำให้คุณเริ่มไม่ถูก ขาดแรงกระตุ้น และไม่ไปไหน
เพราะคนเราจะขยันได้ก็ต่อเมื่อรู้สึกว่าขยันไปแล้วจะประสบความสำเร็จนั่นเอง
4. บริหารจัดการตัวเอง
สภาพแวดล้อมรอบตัวคุณก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อความขยันหรือขี้เกียจ
เช่น ห้องของคุณรกรุงรัง มันยิ่งทำให้คุณรู้สึกจมอยู่กับที่
เพราะนอกจากความรกรุงรังจะให้อารมณ์สับสนวุ่นวายแล้ว การต้องเพิ่มการทำความสะอาดห้องเข้าไปในเป้าหมายก็ดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าปรารถนานัก
อย่างไรก็ตาม
การทำความสะอาดบ้านและจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบจะช่วยกระตุ้นให้คุณทำงานได้มากขึ้นและคล่องแคล่วขึ้น
หลังจากจัดการที่อยู่ได้ดีแล้ว คุณก็จะเริ่มข้ามไปบริหารจัดการด้านอื่นๆ
ในชีวิตให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
5. ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายคือหนทางที่ดีที่สุดในการเอาชนะความขี้เกียจ
ความขี้เกียจในหลายๆ ครั้งเกิดมาจากการทำงาน แต่การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณได้ด้วยการ
‘ลงมือทำ’ บางอย่างโดยไม่ต้องใช้สมองแก้ปัญหาที่ซับซ้อนใดๆ
แต่ต้องตัดสินใจเริ่มขยับร่างกาย กระโดดโลดเต้น หรือออกไปวิ่งเท่านั้น
เมื่อใดที่คุณเอาชนะความขี้เกียจทางร่างกายได้แล้ว
จิตใจของคุณก็จะสลัดความขี้เกียจอออกไปได้เช่นกัน