10 เครื่องมือ ชี้เป็น ชี้ตาย ทำให้ธุรกิจอยู่รอด
การบริหารการจัดการ กลยุทธ์ธุรกิจ

จำนวนเข้าชม 1509 ครั้ง

10 เครื่องมือ ชี้เป็น ชี้ตาย ทำให้ธุรกิจอยู่รอด

Sponsored
หลักสูตร การสร้างทีมงานสู่ความเป็นเลิศ (high performance team building) อบรมในรูปแบบ Online ผ่าน Zoom

หลักการและเหตุผล           องค์กรสมัยใหม่ที่มีการกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ร่วมกันในการทำง...

ดูรายละเอียด
หลักสูตร เจาะลึกการนำเข้า 2024 (Deep Import 2024)

หลักการและเหตุผลการนำเข้า เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ที่ผู้นำเข้า หรือผู้...

ดูรายละเอียด

ฮะโหลๆ ฮะเก๋ามาแว้วๆ

 

มาพร้อมความรู้ดีดีอีกเช่นเคย แต่จะเป็นอัลไรนั้นต้องติดตาม…

 

กับ “10 เครื่องมือ ชี้เป็น ชี้ตาย ทำให้ธุรกิจอยู่รอด”

 

นับว่าเป็นเครื่องมือชี้เป็น ชี้ตาย ในยุคการแข่งขันทางการตลาดที่รุนแรงเลยทีเดียว เพราะถ้าคุณไม่รู้จักใช้เครื่องมือทำการตลาด โอกาสที่ธุรกิจคุณจะรอดจะกลายเป็นศูนย์ “ทันที” #อุ๊ต๊ะ

 

และถ้าคุณไม่อยากให้ธุรกิจจมดึงลงเหว หรือถูกลอยคอไปตามแม่น้ำเพียงลำพัง ต้องอ่าน!! ขอรับ #แหล่มลอยยยยยย

 

คำเตือน : โปรดอ่าน!!

 

#เส้นทางรวย

#แชร์วนไป

1.facebook

สื่อ facebook ที่หลายคนรู้จักเป็นได้ทั้งช่องทางระบายอารมณ์ ความรู้สึกด้วยการโพสต์ข้อความ,อัพโหลดภาพ,อัพโหลดวิดีโอ และใช้เป็นช่องทางติดต่อสื่อสาร ที่มีเพื่อนร่วม facebook ได้มากถึง 3,000 คน

แล้ว facebook จะเป็นเครื่องมือชี้เป็น ชี้ตาย ทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างไรนั้น ทุกคนต้องรู้จักวิธีใช้อย่างถูกต้อง เพราะถ้าใช้ในทางที่ผิด เช่น โพสต์ข้อมูลเท็จ ละเมิดลิขสิทธิ์ อ้างอิงคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อให้เกิดผลเสียที่ทำให้คุณจมอยู่กับความเลวร้ายนั่นชั่วชีวิตเลยก็ว่าได้

แต่ถ้าคุณใช้ในทางที่ถูกต้อง สามารถทำให้ธุรกิจก้าวกระโดดได้เลยทีเดียว กับการสื่อสารในเชิงสร้างสรรค์ เป็นมิตรต่อกลุ่มลูกค้า อีกทั้ง คุณสามารถสร้างแฟนเพจ หรือที่เรียกกันว่าหน้าร้านเฟสบุ๊กได้ เพราะสามารถมีเพื่อนได้เป็นล้านๆ คนจากการติดตามเพจของคุณ และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น แต่ทุกอย่างต้องควบคู่กับการตลาดที่ดีด้วย

 

2.Line

Line เครื่องมือการสื่อสาร ที่เหมาะสำหรับการสนทนากับเพื่อนๆ ทั้งเดี่ยว และกลุ่ม จึงกลายเป็นเครื่องมือทำมาหากินไปโดยปริยาย เนื่องจากเป็นแอพพลิเคชั่นสร้างความสะดวกต่อการสื่อสาร

อีกทั้ง มีแอพพลิเคชั่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หน้าไทม์ไลน์ , ไลน์แอด ซึ่งฟิลเจอร์ต่างๆ เหมาะแก่การนำมาพัฒนาธุรกิจให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งมีคุณสมบัติที่คล้ายกับ facebook

สามารถสนทนาระหว่างบุคคล ระหว่างกลุ่ม โดยคุณสร้างแอดมินเข้ามาช่วยดูแลลูกค้าได้มากกว่า 2 คน ที่สำคัญ Line ช่วยส่งข้อความไปยังไลน์ส่วนตัวของลูกค้าได้จำนวนมาก ในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ line ยังมีหน้าไทม์ไลน์ ที่สามารถโพสต์ข้อความสินค้าต่างๆ ได้เช่นเดียวกับ facebook อีกด้วย นับว่าเป็นเครื่องมือที่น่าใช้งานต่อธุรกิจอย่างมาก

 

3.โฆษณาออนไลน์

ช่องทางการตลาดที่ได้รับความนิยม พร้อมทั้งมีกระแสแรงที่สุด คงหนีไม่พ้นการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ ว่าจะเป็น facebook Line youtube เว็บไซต์ต่างๆ เป็นต้น ทั้งในรูปแบบการโฆษณาโดยตรง แบรนด์เนอร์ วิดีโอ  ล้วนมีอิทธิผลต่อการรับรู้เป็นอย่างมาก

เนื่องจากคนไทยจำนวนมาก รวมไปถึงชาวต่างชาติทั่วโลก ต่างเปิดรับสื่อออนไลน์แทบจะทุกคน และใช้เวลาอยู่กับสื่อออนไลน์ไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ยิ่งทำให้โอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากถึง 1,000 คนต่อวันเลยทีเดียว แต่นั่นต้องรู้จักเจาะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมทำการตลาดตรงไปตรงมา เพื่อให้ผลตอบรับออกมาดีที่สุด

 

4.Promotion

การทำ Promotion กิจกรรมส่งเสริมการขาย กลายเป็นตัวช่วยสำคัญ ในการจูงใจผู้บริโภคให้เข้ามาจับจ่ายใช้สอย หลักๆคงหนีไม่พ้นการลดราคา และกิจกรรมชิงโชค ซึ่งสามารถกระตุ้นต่อม การซื้อได้ง่ายกว่าวิธีการอื่นๆ

จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่มักจะเห็นกิจกรรมเหล่านี้เพิ่มขึ้น ทุกครั้งที่ยอดขายสินค้าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งการจัดกิจกรรมเหล่านี้มีหลายรูปแบบ เช่น ลด แลก แจก แถม ซื้อ 1 แถม 1 สินค้าสมนาคุณ ลด 50% เป็นต้น แต่ก่อนจัดกิจกรรมต้องดูคอนเซ็ปต์งานควบคู่ไปกับประเภทสินค้าที่คุณต้องการจัด promotion ด้วย

 

5.Innovation

Innovation หรือนวัตกรรม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต่อให้ทำตลาดดี แต่ถ้าสินค้าไม่ดี ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จ เพราะลูกค้าจะไม่มีวันซื้อซ้ำ

ยิ่งยุคสมัยนี้ การพัฒนาสินค้าใหม่ ถือเป็นเรื่องสำคัญเพราะคงไม่มีสินค้าไหนที่สามารถอยู่ในทุกยุคสมัยใหม่ โดยไม่ได้มีการพัฒนา เพราะเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทำให้สินค้าของคุณอยู่รอดในตลาดได้

ตัวอย่างเช่น เดิมคุณผลิตนมกล่องขายตามท้องตลาด เรียกได้ว่าติดอันดับหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อเวลาผ่านไปมีแบรนด์น้องใหม่เข้ามาซึ่งมีความแตกต่างจากนมของคุณอย่างมาก ทั้งผลิตภัณฑ์ที่สวยกว่า ทันสมัย ย่อมส่งผลให้ลูกค้าต่างเทใจไปใช้บริการแบรนด์น้องใหม่ ดังนั้น อย่าล้าหลัง นำนวัตกรรมเข้ามาช่วย ก็จะทำให้ธุรกิจคุณอยู่รอดได้แน่นอน

 

6.Digital marketing

Digital marketing เข้ามามีบาทบาทกับการทำตลาดของแบรนด์ต่างๆ เนื่องจากเชื่อมโยงกับอินเตอร์เน็ต ไปยังคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายถึงคนไปโดยปริยาย

ดังนั้น กิจกรรมออนไลน์ผ่านตามเว็บไซต์ มือถือ ในรูปแบบแคมเปญต่างๆ มักจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย เพราะเป็นจุดดึงดูดให้พวกเขาเข้ามาซื้อ เข้ามาสัมผัส จึงกลายเป็นเครื่องมือกระตุ้นยอดขายเข้าบริษัทได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

 

7.Sport Marketing

Sport Marketing เป็นการเชื่อมต่อระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น โดยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีกับตัวแบรนด์

ถ้าคุณไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า Sport Marketing สามารถทำให้กลุ่มลูกค้าเกิดความสนใจที่จะติดตามตัวแบรนด์ ยิ่ง Sport มีเอกลักษณ์สร้างการจดจำได้ง่าย ยิ่งทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอย่างสัมผัสสินค้านั้นมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น จึงเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่แบรนด์ขนาดเล็กสามารถเติบโตจาก Sport Marketing ได้อย่างน่าภูมิใจ ไม่เว้นแต่แบรนด์ใหญ่ๆ ตอนนี้ก็ให้ความสนใจทำ Sport Marketing เช่นเดียวกัน

 

8.แจกของสมนาคุณ

การแจกของสมนาคุณ คือ กลยุทธ์ที่ได้ผลอย่างมาก โดยการซื้อสินค้าแบรนด์คุณ หรือใช้บริการร้านคุณแจกของสมนาคุณทันที แต่สินค้าที่จะเป็นของสมนาคุณได้นั้น ต้องมีคุณค่าเหมาะสมกับสินค้าและการบริการของคุณด้วย

ซึ่งนับว่าเป็น “ลูกเล่น” การตลาด ที่ได้ รับความนิยมทุกวงการ โดยเฉพาะเครื่องดื่ม เครื่องครัว หรือของใช้ภายในบ้าน แต่เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้สามารถดึงดูดความสนใจลูกค้าได้มหาศาลจริงๆ

 

9.Personal Selling

Personal Selling คือ การใช้พนักงานขายช่วยแนะนำคนซื้อ ณ จุดขาย ซึ่งนับว่าได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว

เนื่องจากสามารถกระตุ้นยอดขายได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะเห็นภาพชัดในกลุ่ม เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่ต้องสาธิตให้ลูกค้าได้ทราบข้อมูลสินค้า รวมทั้ง วิธีการใช้งาน ซึ่งหัวใจสำคัญของวิธีนี้ คือการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เชี่ยวชาญในสินค้าและบริการนั้นๆ รวมถึงสามารถเปรียบข้อดีข้อเสียระหว่างสินค้าที่ขายกับสินค้าคู่แข่งได้อย่างชัดเจน โดยอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงด้วย

 

10.สื่อนอกบ้าน

สื่อนอกบ้าน คือ สื่อที่ประกาศ หรือโชว์ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ป้ายโฆษณา วิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ แต่ถ้าคุณเลือกพื้นที่ไม่เหมาะสม โอกาสที่ลูกค้าจะรับรู้ได้ก็มีน้อย ดังนั้น ควรเลือกจุดที่มีกลุ่มลูกค้าอยู่จำนวนมาก

ตัวอย่างเช่น การติดป้ายโฆษณา ต้องติดในสถานที่มีจำนวนคนพลุกพล่าน อย่างสยามพาราก้อน หรือติดบนอาคารต่างๆ ในระหว่างเส้นทางสัญจรหลัก เป็นต้น เพื่อให้คนที่ผ่านไปผ่านมาเห็น และเกิดความสนใจที่จะหันมาอ่านโฆษณานั้นๆ

 

เคล็ดลับโค้ชฝากบอก ดูเคล็ดลับทั้งหมด »