หลักสูตร การคิดเชิงตรรกะและการแก้ไขปัญหาเชิงระบบ (Logical Thinking and Systematic Problem Solving)

1.สนุกและรู้สึกมีส่วนร่วมในคลาส

    •เปิดการอบรมด้วยเรื่องราวหรือสถานการณ์ที่น่าสนใจ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความอยากเรียนรู้

    •ใช้กรณีศึกษาที่เกี่ยวข้องกับงานจริงของผู้เข้าอบรม

2.ส่งเสริมการแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ

    •จัดกิจกรรมกลุ่ม เช่น การระดมความคิด หรือการแก้ปัญหาในสถานการณ์จำลอง เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ฝึก การคิดเชิงตรรกะและแลกเปลี่ยนมุมมอง

3.กระตุ้นให้เห็นปัญหาในตนเองและหาวิธีแก้ไข

    •นำเสนอกรณีศึกษาแบบ "ก่อนและหลัง" เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้วิเคราะห์ข้อผิดพลาดและเรียนรู้จากตัวอย่าง

    •ใช้เครื่องมืออย่าง Mind Mapping เพื่อช่วยให้เข้าใจโครงสร้างปัญหา

4.สร้างพลังงานในการทำงานเชิงรุก

    •ปิดการอบรมด้วยการสรุปแนวคิดสำคัญและเสนอแนวทางปฏิบัติที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

    •สร้างแรงบันดาลใจผ่านการเล่าเรื่องราวความสำเร็จจากองค์กรหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการใช้แนวคิดนี้

จุดเด่นของ 4D Storytelling:

    •ทำให้การเรียนรู้มีความหมายและน่าสนใจ

    •ส่งเสริมความเข้าใจเชิงลึกจากประสบการณ์จริง

    •ผู้เข้าอบรมรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้

    •เกิดแรงกระตุ้นในการนำความรู้ไปปรับใช้ในงานจริง

ช่วงที่ 1: พื้นฐานการคิดเชิงตรรกะ (Logical Thinking Foundation)

ทฤษฎีที่ใช้: Critical Thinking (การคิดเชิงวิพากษ์)

1.ความหมายและความสำคัญของการคิดเชิงตรรกะในองค์กร

2.กระบวนการคิดเชิงวิพากษ์: การตั้งคำถาม การเชื่อมโยงเหตุผล และการตัดสินใจ

3.การระบุปัญหาอย่างชัดเจน: วิธีการแยกแยะปัญหาและผลกระทบ

4.การใช้ Mind Mapping ในการวิเคราะห์ปัญหา

กิจกรรม: การวิเคราะห์กรณีศึกษาสั้น ๆ ด้วยการคิดเชิงวิพากษ์

________________________________________

ช่วงที่ 2: การวางแผนแก้ไขปัญหาเชิงระบบ (Systematic Problem Solving)

ทฤษฎีที่ใช้: Problem-Solving Model (แบบจำลองการแก้ปัญหา)

1.การวิเคราะห์ปัญหาเชิงระบบ: วิธีการมองภาพรวมของปัญหา

2.การกำหนดเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ต้องการ

3.การออกแบบกระบวนการแก้ปัญหาแบบ Step-by-Step

4.การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาและแผนการแก้ไข

กิจกรรม: วางแผนแก้ไขปัญหาในทีมผ่านกรณีศึกษาจำลอง

________________________________________

ช่วงที่ 3: การประเมินผลกระทบและการตัดสินใจ (Impact Assessment and Decision Making)

1.วิธีการประเมินผลกระทบ: การวิเคราะห์ทางเลือกและผลที่ตามมา

2.เครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ เช่น SWOT Analysis, Cost-Benefit Analysis

3.การจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับทางเลือกต่าง ๆ

4.การสื่อสารการตัดสินใจในทีมอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรม: ประเมินและนำเสนอแผนแก้ปัญหาพร้อมเหตุผลสนับสนุน

________________________________________

ช่วงที่ 4: การประยุกต์ใช้ในการทำงานจริง (Practical Application in Real Work)

1.การวางแผนแก้ปัญหาเชิงระบบในสถานการณ์จริง

2.ตัวอย่างกรณีศึกษาจากองค์กรต่าง ๆ และแนวทางการแก้ปัญหา

3.การทำงานร่วมกันในทีมเพื่อแก้ปัญหาเชิงกลยุทธ์

4.วิธีติดตามและประเมินผลหลังการแก้ปัญหา

กิจกรรม: สร้างแผนการแก้ปัญหาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในงานของผู้เข้าร่วม