การจัดซื้อเชิงรุก (Proactive Procurement Management)

การจัดซื้อเชิงรุกได้กลายเป็นวิธีการเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถล้ำหน้าคู่แข่ง เน้นขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางภูมิทัศน์ของห่วงโซ่อุปทานที่ไม่ปกติ

                        การจัดซื้อในปัจจุบัน จะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นหน่วยงานที่เน้นที่การลดต้นทุนและการจัดการผู้ขายเป็นหลักอีกต่อไป และด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางธุรกิจและความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจต่างๆ กำลังตระหนักถึงความจำเป็นในการนำแนวคิดเชิงรุกมาใช้ในแนวปฏิบัติในการจัดซื้อของตน ซึ่งช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่เหนือกว่าการจัดการต้นทุนและผู้ขาย การจัดซื้อเชิงรุกจึงสำคัญยิ่งสำหรับปัจจุบันและอนาคต

วัตถุประสงค์การสัมนา

1.เข้าใจการจัดซื้อเชิงรุก รู้วิวัฒนาการของการจัดซื้อจากเชิงรับไปสู่เชิงรุก เข้าใจความสำคัญในห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่ และแยกความแตกต่างระหว่างการจัดซื้อเชิงรุกและเชิงรับ

2.เข้าการจัดการความเสี่ยง เรียนรู้กลยุทธ์ในการระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงในการจัดซื้อ รวมถึงแนวโน้มตลาด ปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ ความเสี่ยงจากผู้ขาย และการขาดแคลนวัสดุ พัฒนาแผนสำรองและกลยุทธ์สำหรับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

3.เข้าจการใช้เทคโนโลยีเพื่อการจัดซื้อเชิงรุ จะได้รับความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์และเครื่องมือจัดซื้อล่าสุด เข้าใจประโยชน์ของการทำกระบวนการจัดซื้อให้เป็นอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย

4.เข้าใจการวิเคราะห์ข้อมูลและข่าวกรองตลาด การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจที่มีข้อมูลเพียงพอ ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ตลาดและคาดการณ์แนวโน้ม

5.เข้าจหลักการจัดการความสัมพันธ์กับผู้ขาย การพัฒนาทักษะในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ขายบนพื้นฐานของความไว้วางใจและความร่วมมือ เรียนรู้เทคนิคในการมีส่วนร่วมกับผู้ขายอย่างมีประสิทธิภาพ การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ขาย และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

6.เข้าใจจัดหาเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม การมีส่วนร่วมกับผู้ขายตั้งแต่ระยะต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและสำรวจมูลค่าที่มากกว่าการลดต้นทุน

7.เข้าใจกลยุทธ์การจัดซื้อเชิงรุก การเปลี่ยนแปลงจากการจัดซื้อเชิงรับไปสู่การจัดซื้อเชิงรุกโดยการระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงในกระบวนการปัจจุบันและดำเนินการเชิงรุก

8.ได้เข้าใจจัดตั้งกลไกการคาดการณ์ที่แข็งแกร่งและปรับการจัดซื้อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ

• ความสำคัญของการจัดซื้อเชิงรุกในห่วงโซ่อุปทานสมัยใหม่
• แนวคิดและนิยามของการจัดซื้อเชิงรุก
• ความต่างระหว่างการจัดซื้อเชิงรุก vs การจัดซื้อเชิงรับ

2. ประโยชน์หลักของการจัดซื้อเชิงรุก

• การลดความเสี่ยง
• การสร้างนวัตกรรมและมูลค่า
• การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ขาย
• การประหยัดค่าใช้จ่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพ

3. การจัดการความเสี่ยงในการจัดซื้อเชิงรุก

• การระบุและประเมินความเสี่ยง
• การติดตามแนวโน้มตลาดและปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์
• การประเมินความเสี่ยงจากผู้ขายและการขาดแคลนวัสดุ
• การพัฒนาแผนการสำรอง
• กลยุทธ์สำหรับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

4. การใช้เทคโนโลยีในกระบวนการจัดซื้อ

• ซอฟต์แวร์และเครื่องมือสำหรับการจัดซื้อ
• ภาพรวมของเทคโนโลยีการจัดซื้อชั้นนำ
• ประโยชน์ของการทำกระบวนการจัดซื้อให้เป็นอัตโนมัติ

5. การวิเคราะห์ข้อมูลและข่าวกรองตลาด

• การใช้ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่มีข้อมูลเพียงพอ
• เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ตลาดและการคาดการณ์แนวโน้ม

6. การจัดการความสัมพันธ์กับผู้ขาย

• การสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ขาย
• ความสำคัญของความไว้วางใจและความร่วมมือ
• เทคนิคสำหรับการมีส่วนร่วมกับผู้ขายอย่างมีประสิทธิภาพ
• การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ขาย
• การติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
• การพัฒนาตัวชี้วัดประสิทธิภาพของผู้ขาย

7. การจัดหาเชิงกลยุทธ์และนวัตกรรม

• การมีส่วนร่วมกับผู้ขายตั้งแต่ระยะต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์
• ประโยชน์ของการมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
• การสร้างนวัตกรรมร่วมกับผู้ขาย
• การสำรวจมูลค่าที่มากกว่าการลดต้นทุน

8. การดำเนินกลยุทธ์การจัดซื้อเชิงรุก

• การเปลี่ยนแปลงจากการจัดซื้อเชิงรับไปสู่การจัดซื้อเชิงรุก
• การระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงในกระบวนการปัจจุบัน
• ขั้นตอนในการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุก

9. การคาดการณ์และการวางแผนความต้องการ

• การจัดตั้งกลไกการคาดการณ์ที่แข็งแกร่ง
• การปรับการจัดซื้อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ

2.ผู้บริหาร

3.ฝ่ายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

สัมมนานี้ได้รับประกาศนียบัตร