อบรม การทําน้ำข้าวกล้องงอกและไอศกรีมข้าวกล้องงอก

รหัสหลักสูตร: 20758

จำนวนคนดู 1939 ครั้ง
กดเพื่อแจ้งสัมมนาไม่เหมาะสม

สัมมนานี้ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว

ลงชื่อเพื่อจองสัมมนาในรอบถัดไป
(ถ้ามีจัด ท่านจะได้สิทธิ์ก่อน)
สามารถติดต่อได้ที่
โทร. 097-474-6644
อีเมล์ [email protected]
ไลน์ไอดี @seminardd
       คนไทยโบราณใช้ข้าวเป็นอาหารหลัก และยังใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบสำหรับใช้เป็นยาพื้นบ้านของไทย จากตำรายาไทยที่วัดโพธิ์ มีบทอธิบายว่าด้วยการใช้ข้าวเพื่อนำไปใช้ปรุงเป็นยา ตำรายาจีน และตำรายาอินเดียก็มีการใช้ข้าวเป็นยา เช่นกัน โดยการนำไปปรับสภาพก่อนนำมาปรุงเป็นยาต่างๆ ตำรายาไทย ที่พอจะรวบรวมได้มีดังนี้

  ข้าวเปลือก : ข้าวเปลือกใหม่ที่ยังมีนวลหรือมีคาย (ขน) ติดอยู่ หากนำมาต้มน้ำดื่ม จะแก้กษัย มักให้เด็กกิน

  ข้าวงอก : เป็นนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำ ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องจนเมล็ดข้าวเริ่มแตกตุ่มงอก แล้วนำมาชงน้ำร้อนดื่ม จะเป็นยาแก้ไข้ บำรุงกำลัง


  น้ำข้าว : สมัยก่อน คนไทยหุงข้าวด้วยหม้อดิน และวิธีเช็ดน้ำ คือรินน้ำข้าวออก เมื่อข้าวหุงในหม้อเริ่มสุก น้ำข้าวนั้นสามารถใช้บรรเทาอาการท้องร่วง แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ

  ข้าวตังก้นหม้อ : การหุงข้าวด้วยวิธีดั้งเดิม ทำให้มีแผ่นข้าวตังติดอยู่ที่ก้นหม้อ นำข้าวตังมาต้มน้ำเป็นน้ำข้าวตัง ใช้แก้หิวกระหาย บำรุงกำลัง กระตุ้นให้เกิดน้ำย่อย และช่วยระบบการย่อยอาหารได้ดี

   ข้าวตอก : เด็กชาวนา จะคุ้นเคยกับขนมขบเคี้ยว ที่เป็นข้าวเปลือกคั่วจนเปลือกแตกหลุด ซึ่งผู้ใหญ่มักทำให้กิน โดยเฉพาะในยามที่ข้าวกำลังชูรวงเหลืองทองอยู่ในท้องนา เมื่อเติบโตจึงได้รู้ว่า ข้าวตอกนั้นเป็นยาที่ช่วยการเจริญธาตุ คือ ทำให้เด็กๆกินข้าวปลาอาหารได้มากขึ้น และยังใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ได้ด้วย

   ข้าวเม่า : รู้จักกันดีว่าข้าวเม่าเป็นขนมไทยอร่อยมาก เป็นการนำเอาข้าวที่ยังไม่แก่จัดเต็มที่ มาทุบเอาเปลือกออก ตากให้แห้ง ก่อนจะกิน นำมาคลุก/นวด กับน้ำอุ่น โรยมะพร้าวขูด เกลือ น้ำตาล อร่อยมาก และยังเป็นยาเจริญธาตุและบำรุงกำลัง อีกเช่นกัน

   ข้าวบูด : ข้าวหุงสุกเมื่อกินไม่หมดสมัยก่อน จะโรยให้ไก่กิน ตากแห้ง เก็บไว้ทำขนมไทยอื่นๆ แต่บางครั้งก็ลืมจนพบว่า ข้าวหุงสุกนั้นบูดไปซะแล้ว แต่ถ้าหากนำไปเคล้ากับน้ำเล็กน้อยพอเหนียว คุณย่าคุณยาย เคยใช้เป็นยาพอกหัวฝี เพื่อแก้ปวด และสามารถทำให้ฝียุบได้ โดยข้าวบูดนั้นดูดหัวฝีและหนองออกมาได้เพียงชั่วข้ามคืน

   ข้าวกระยาคู หรือข้าวยาคู
 เป็นข้าวที่นำมาปรุงกับอาหารอื่นๆ เช่น พระอานนท์ปรุงข้าวกล้อง ถั่วเขียว และงาทำเป็นข้าวเหลวๆ ถวายพระพุทธเจ้า ตอนที่ประชวรด้วยโรคลมในท้อง ดังนั้นข้าวกระยาคูจึงเหมาะสำหรับโรคเกี่ยวกับท้อง แก้หิวกระหาย ชูกำลัง และแก้อาการอ่อนเพลีย

   ข้าวกล้อง : โบราณถือว่า การกินข้าวกล้อง จะเป็นยาวิเศษ รักษาโรคหลายอย่าง (เช่น เบาหวาน เพราะข้าวกล้องมีเยื่อใยมาก มีไขมัน แกมม่า ออไรซานอล) ใช้บำรุงกำลัง (มีสารสร้างพลังงาน) บำรุงเลือดเนื้อ (มีแร่ธาตุ วิตามิน ได้แก่ แร่เหล็ก วิตามิน เอ เป็นต้น) และป้องกันโรคเหน็บชา (มีวิตามิน บี 1, 2, ไนอะซิน และ อื่นๆ) เพราะข้าวกล้องเป็นเมล็ดข้าวที่ผ่านการกระเทาะเปลือกหุ้มเมล็ดออกไปแล้วชั้นหนึ่ง โดยยังไม่ได้ขัดสีส่วนของเยื่อหุ้มเมล็ดออกไป ข้าวกล้องจึงมีสีของเยื่อหุ้มเมล็ดอยู่ ถึง 3 ชั้น ที่มี สีเหลือง สีแดง แล้วแต่ชนิดของข้าว โดยยังมีส่วนของจมูกข้าวถูกห่อหุ้มอยู่ภายใต้เยื่อนั้นด้วย


    น้ำนมข้าว : คือของเหลวที่ได้จากการสกัดจากรวงข้าวที่กำลังเป็นน้ำนม หรือ รวงข้าวอ่อนที่ตัดมาเมื่อข้าวออกดอกแล้วประมาณ 10-15 วัน บีบเมล็ดข้าวจะเห็นของเหลวสีขาวขุ่น ลองชิมจะรู้สึกหอมและหวาน นำรวงข้าวอ่อนที่ตัดมา แล้วล้างฝุ่นออก จากนั้นนำมาปั่นกับน้ำสุก แล้วจึงกรองเอากากออก จะได้ของเหลวสีเขียวอ่อน นำของเหลวนั้นมากวนกับไฟอ่อนๆ เติมน้ำตาล หรือเหยาะเกลือเล็กน้อย ยกขึ้น เมื่อของเหลวเริ่มเดือด ใช้ดื่มเป็นเครื่องดื่มบำรุงกำลังของผู้ป่วยหนัก หรือผู้ป่วยที่กำลังฟื้นไข้ บางตำราก็นำมาผสมกับนมวัวและน้ำตาล เป็นยาบำรุงกำลัง


    ทุกๆส่วนของข้าว ถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ ทั้งที่เป็นอาหาร เป็นของใช้ในบ้าน และใช้ปรุงเป็นยาสามัญประจำบ้าน เพราะข้าว โดยเฉพาะส่วนของเมล็ด ทั้งเมล็ดข้าวอ่อน หรือ เมล็ดข้าวเปลือก มีสารอาหาร และสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นประโยชน์ที่จะใช้สำหรับกิจกรรมในชีวิตได้ทุกๆวัย

หัวข้ออบรมสัมมนา

วิธีการทำไอศกรีมข้าวกล้องงอก

ส่วนผสม

1.น้ำข้าวกล้องงอก 1           กิโลกรัม

2.หัวกระทิ               1           กิโลกรัม

3.น้ำตาลทราย        230       กรัม

4.ส่วนผสมอื่นๆเช่น เผือก ข้าวโพด ลอดช่อง

วิธีทำไอศกรีม

1.นำข้าวกล้องงอก นม กระทิ และน้ำตาลทรา ตามส่วนผสมคนให้ละลายเข้ากัน

2.ชิมให้ได้รสชาติตามใจชอบ

3.ใส่ส่วนผสมอื่น เช่น เผือก ข้าวโพด ลอดช่อง ตามต้องการ

วิธีปั่นไอศกรีม

1.นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงเครื่องปั่น

2.ใส่นำ้แข็ง 3 ส่วน เกลือ 1 ส่วน ปั่นใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

3.จะได้ไอศกรีมประมาณ 2.2 กิโลกรัม

4.นำไอศกรีมใส่กล่องและแช่ตู้เย็นในช่องแข็ง อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

5.เวลาัรับประทานโรยหน้าด้วยขนมอบกรอบจากผลิตภัณฑ์ข้าวชนิดต่างๆ

วันที่10 มกราคม 2557 13.00 - 16.00 น.

ต้องการลงชื่อ waiting list กดได้ที่นี่เลยค่ะ
(ถ้ามีจัด ท่านจะได้สิทธิ์ก่อน)
สามารถติดต่อได้ที่
โทร. 097-474-6644
อีเมล์ [email protected]
ไลน์ไอดี @seminardd
คำค้นประกาศนี้ Tags: โครงการลูกพระดาบสสมุทรปราการ ตามพระราชดําริ

หลักสูตรฝึกอบรมอื่นๆที่น่าสนใจของผู้จัด