หลักสูตร กลยุทธ์การวางคนให้ถูกงาน ด้วยศิลปะการสื่อสารที่ถูกใจ

     การบริหารคนถือว่าเป็นศาสตร์และศิลป์ในการพัฒนาองค์กร และองค์กรที่ดีนั้นจำเป็นจะต้องเป็นวัฒนธรรมร่วม (Co culture) ซึ่งการเป็นวัฒนธรรมดังกล่าวเกิดจากภาวะความเป็นผู้นำเป็นสำคัญ ทั้งนี้เพื่อให้องค์กรมีการพัฒนาในทุกๆ ด้าน ผู้บริหารที่ชาญฉลาดต้องย่อมต้องใช้ศิลปะและยุทธวิธีดังนี้

   1.การตัดสินใจสั่งการภายใต้พื้นฐานจริยธรรม

   2.การมอบหมายงานตามสมรรถนะของพนักงานในแต่ละบุคคล

   3.การสื่อสารที่ชัดเจน

   4.การติดต่อประสานงานในทุกๆ หน่วยงาน

   5.กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในหน่วยงาน

     ซึ่งผู้นำหรือผู้บริหารใช้ศิลปะในการบริหารแบบนี้ก็จะได้ใจคนในองค์กรทั้งหมด และการเป็นหัวหน้างานที่มีประสิทธิภาพนั้น ไม่ควรมีทักษะเฉพาะในงานของตนเอง (Technical Skills) เพียงอย่างเดียว แต่ควรมีทักษะในการบริหารคน (Soft Skills) ควบคู่กันไป ซึ่งทักษะการบริหารคนมักจะเป็นปัญหาของหัวหน้างานส่วนใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งทักษะในการบริหาร คนมีหลากหลายแบบ แต่ทักษะหนึ่งที่สำคัญและหัวหน้างานจำเป็นต้องมี คือ “การจัดวางคนให้เหมาะสมกับงาน และการ สื่อสารกับพนักงานที่ให้ได้มากกว่างานก็คือ ได้ทั้งงานและ ได้ทั้งใจ ”

     ดังนั้น ศิลปะในการบริหารจัดการพนักงานจึงเป็นเรื่องที่หัวหน้างาน จำเป็นต้องศึกษาไว้เพื่อนำปรับมาใช้กับลูกน้องที่มี หลากหลายสไตล์

     หลักสูตรนี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการบริหารจัดการคนที่ต้องการปรับวัฒนธรรมของคนสู่ภาพรวมขององค์กร ที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อการสร้างองค์กรที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

วัตถุประสงค์

   1.เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ การบริหารทีมและทำงานร่วมกับคนแต่ละแบบ

   2.เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ การสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนแต่ละแบบ

   3.เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้ แก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากความไม่เข้าใจ และไม่ยอมรับกัน

   นิยามคำว่า “หัวหน้า”ที่ลูกน้องต้องการ

   ทัศนคติเชิงบวก สู่ การทำงานเชิงรุก

   พฤติกรรมความหลากหลายของ พนักงาน

   ลูกน้อง 4 ประเภทที่หัวหน้าต้องเข้าใจ

   กิจกรรมเดี่ยวที่ 1 Internal analytical

สิ่งที่จะได้รับจากการบรรยาย

Part1: ปรับทัศนคติ เพื่อการเพิ่มบารมี สู่การเป็นผู้นำเชิงรุก

เป็นปรับทัศมนคติในการเป็นหัวหน้า สู่การเพิ่มศักยภาพจากภายใน ให้ผลงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับลูกน้องอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นในด้านของสมรรถนะและการสื่อสารเพื่อสร้างแรงจูงใจวิทยากรใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบสนุกสนาน และขมวดเนื้อหาให้เป็นวิชาการแบบกลมกล่อมพอดีคำ ทำให้ผู้เข้าอบรมได้เห็นภาพ จนเกิดมุมมองด้านบวกต่อการบริหารคนด้วยใจ ส่งผลต่อการทำงานในทีมของลูกน้อง

Part2: การมอบหมายงานตามสมรรถนะของพนักงาน

   สมรรถนะด้านต่าง ๆของพนักงาน

   จิตวิทยาการสังเกตุการณ์โดยไม่ให้ ลูกน้องรู้ตัว

   แนวทางการมอบหมายงานตาม ความสามารถ

   มอบหมายงานด้วยการปลุกไฟ ให้ค่าก่อนทำ

กิจกรรมกลุ่มที่ครั้งที่ 1 ฝึกการมอบหมายงานตามสมรรถนะของลูก น้อง เพื่อการวิเคราะห์ วางแผน หาแนวทางในการจัดการดี

โดยวิทยากรจะให้ดู VDO clip เพื่อให้ผู้เข้าอบรมในแต่ละกลุ่มเกิดการรับรู้ ตีความ และหาวิธีการที่แตกต่าง อย่างมีคุณภาพ

สิ่งที่จะได้รับจากการบรรยาย

Part2: การมอบหมายงานตามสมรรถนะของพนักงาน

หัวข้อนี้ วิทยามกรได้ออกแบบในแต่ละส่วนมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีกิจกรรมให้ผู้เข้าอบรมได้ลองทำให้เกิดแนวความคิดสู่แนวทางการบริหารคนเน้นการจัดวางคนให้เหมาะสมลงตัวกับความสามารถในการทำงานสู่การเป็นมืออาชีพ

Part:3 ศิลปะการสื่อสารที่ถูกใจ

   พื้นฐานของการสื่อสารแบบสากล

   สื่อสารด้วยจิตวิทยาตามความต่าง ของผู้รับสาร

   การสื่อสารที่ชัดเจน

   การติดต่อประสานงานในทุกๆ หน่วยงาน

   กลยุทธ์การสร้างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ในหน่วยงาน

   ศิลปะการสื่อสารด้วย 7c

สิ่งที่จะได้รับจากการบรรยาย

Part:3 ศิลปะการสื่อสารที่ถูกใจ

การบรรยายในหัวข้อนี้เป็นการบรรยายต่อเนื่องจากหัวข้อที่ 1,2 โดยวิทยากรได้มีการวางเรื่องราวที่เป็นการเล่าเรื่องประกอบมาในแต่ละ ส่วน ซึ่งจะทำให้ผู้เข้าอบรมได้เห็นภาพตาม ให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้เข้าใจ และนำมาปฏิบัติใช้ในการบริหารงานอย่างเต็มที่ โดยใช้แนวคิด “ศิลปะการสื่อสารสั่งการ”

Part4: นำความรู้ที่ได้มา ปรับใช้ในกิจกรรม

   สรุป Part1 วิทยากรเล่าเรื่องประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจาก การทำงาน ในประเด็นหัวหน้างานยุคเก่าความ คิดล้าหลัง

   สรุป Part2 วิทยากรเล่าเรื่องประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการสื่อสารที่ผิดพลาด

   สรุป Part3 วิทยากรเล่าเรื่องประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการการมอบหมายงานผิดคน

กิจกรรมกลุ่มครั้งที่ 2 วิทยากรแจกโจทย์จากสื่อสิ่งพิมพ์โดยให้หัวหน้ากลุ่มในแต่ละกลุ่มรับโจทย์ไป สื่อสารให้กับผู้เข้าอบรมในกลุ่ม เพื่อใช้แนวคิดจากหัวข้อที่1,2,3, หาแนวทางร่วมกันในการทำกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพที่สุด

สิ่งที่จะได้รับจากการบรรยาย

Part4: นำความรู้ที่ได้มา ปรับใช้ในกิจกรรม

หัวข้อนี้วิทยากรจะทำการสรุปทุกหัวข้อในการเรียนที่ผ่านมา เพื่อทดสอบความเข้าใจของผู้เข้าอบรม หลังจากนั้นจะเข้าสู่การทำกิจกรรมกลุ่ม

วัตถุประสงค์ของกิจกรรมนี้จะทำให้ผู้เข้าอบรมได้นำความรู้ทั้งหมดไป ปรับใช้กับการทำงานจริงได้อย่างเหมาะสม

ลักษณะการเรียนรู้

บรรยาย 40%

Case Sharing 20%

กิจกรรมเดี่ยว/กลุ่ม 30%

Q and A 10%

• ผู้บริหาร
• ผู้จัดการ
• หัวหน้างาน และผู้ที่สนใจทั่วไป

สัมมนานี้ได้รับประกาศนียบัตร