หลักสูตร เพิ่มศักยภาพผู้นำกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ (The power of leadership)

รหัสหลักสูตร: 67210

จำนวนคนดู 509 ครั้ง
กดเพื่อแจ้งสัมมนาไม่เหมาะสม
หลักสูตร เพิ่มศักยภาพผู้นำกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ (The power of leadership)
รอบที่

-

ยังไม่มีรอบจัดในขณะนี้

ท่านสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อมีรอบใหม่

หลักการและเหตุผล

     จากความผันผวนของโลกธุรกิจและเทคโนโลยีดิจิทัลในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้องค์กรต้องมุ่งพัฒนา “ผู้นำยุคใหม่” หรือ “Adaptive Leadership” ซึ่งหมายถึงผู้นำที่มีความยืดหยุ่น และพร้อมปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น ผลกระทบจาก Digital Disruption ทำให้เกิดการพลิกโฉมความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงกับการดำเนินธุรกิจยุคนี้ ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจาก Digital Disruption จึงนับเป็นความท้าทายระดับสูงของทุกองค์กร ที่ต้องเร่งสร้าง “ผู้นำยุคใหม่” (Leadership) เพื่อรับมือความผันผวนของโลกธุรกิจและเทคโนโลยีดิจิทัล เร่งหาแนวทางในการพัฒนาหัวหน้า งานที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนกระบวนการทำงาน ควบคุมดูแลลูกทีม รวมทั้งการบริหารผลลัพธ์ท่ามกลางพิษเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การสร้างผู้นำในยุคนี้ไม่ง่าย เพราะองค์กรยังยึดกับภาพผู้นำแบบเดิมๆ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการก้าว เป็นผู้นำเชิงรุกในยุคปัจจุบัน

หลักสูตรการอบรม ได้ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อการสร้างผู้นำยุคใหม่ให้มีความสมบูรณ์แบบ ทั้งด้านการบริหารงาน การสื่อสารในทีมงานที่ทรงประสิทธิภาพ และการวางทักษะแบบผู้นำเชิงกลยุทธ์ ตามรายละเอียดเนื้อหาทางวิชาการด้านล่าง

**ในการบรรยายหัวข้อนี้ วิทยากรได้นำ The Power of leadership in 4 dimensions” มาประกอบเป็นบทนำ ในการบรรยาย ดังนี้

1.Responsibility Base of Leadership / หน้าที่และบทบาทการเป็นหัวหน้างานที่

หัวหน้างานคือ…บุคคลที่มีหน้าที่ปกครอง ดูแล แนะนำ มอบหมาย ติดตามงาน สร้างขวัญกำลังใจ ให้คุณให้โทษ แก่ ลูกน้อง (ผู้ใต้บังคับบัญชา) เพื่อให้งานและลูกน้องดำเนินไปอย่าง ราบรื่น และ ประสบผลสำเร็จ หรือพูดง่ายๆ หัวหน้างานมี หน้าที่รับคำสั่งจากเบื้องบน และนำมาถ่ายทอดให้กับลูกน้องตนเองในการทำงานต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล

2.การบริหารงานเชิงรุกในยุคใหม่

การบริหารทีมงานในยุคที่ข้อมูลข่าวสารที่ง่ายต่อการค้นหา หยิบจับ ปรับใช้ในยุคโลกาภิวัตน์ หัวหน้างานจะต้องเรียนรู้ การนำ Big data หรือเรื่อง Mega trend มาปรับใช้กับการพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อการบริหารงานให้เกิดความแตกต่าง จากรูปแบบเดิมๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็จะประหยัดเวลา ลดขั้นตอน ได้เร็วขึ้น

3.เทคนิคการบริหารคน

ในการบริหารจัดการทีมงานในยุคใหม่ ผู้บริหารนอกจากจะมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกล ยังจำเป็นจะต้องมีการเรียนรู้การทำงาน รูปแบบใหม่ๆ อยู่เสมอ มีการเป็นรับฟัง พนักงานให้มากยิ่งขึ้น ปรับตัวเองให้เป็นบุคคลที่เข้าถึงง่ายทุกช่วงเวลา ซึ่งหัวข้อนี้ได้ นำการบริหารจัดการทีมงานแบบตาสับปะรด มาปรับใช้ให้เป็น ผู้บริหาร 360 องศา

4.Conflict management /การบริหารจัดการความขัดแย้ง

การบริหารความขัดแย้ง คือกระบวนการแก้ไขข้อพิพาทที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ เพื่อลดผลลัพธ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้น และสร้าง โอกาสสำหรับผลลัพธ์เชิงบวกมาแทนที่ ซึ่งการบริหารความขัดแย้งแบบ TKI – The Thomas-Kilmann Conflict Mode Instrument เป็นเครื่องมือที่ใช้บริหารความขัดแย้งในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน มี 5 รูปแบบคือ Accommodating การปรองดอง Avoiding การหลีกเลี่ยง Compromising การประนีประนอม Competing การแข่งขัน และ Collaborating การให้ความร่วมมือ ความขัดแย้งมีทั้งด้านบวกและด้านลบ การบริหารความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นมาเพื่อรักษาความสมดุล ทำให้ องค์กรมีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ


วัตถุประสงค์

  1.เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ตระหนักถึงคุณค่าในตนเองในหน้าที่และบทบาทการเป็นหัวหน้างานที่ดี

  2.เพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้เรียนรู้เกี่ยวกับการการบริหารงานเชิงรุกในยุคใหม่ ผ่านการใช้จิตวิทยาในรูปแบบศิลปะ การเจรจาต่อรอง

  3.เพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้มีความคิดแบบการบริหารจัดการทีมงานรูปแบบตาสับปะรด และการปรับใช้ให้เป็นผู้บริหาร 360 องศา

  4.เพื่อให้ผู้เข้าฝึกอบรมได้มีการพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการความขัดแย้ง


หัวข้ออบรมสัมมนา
- กิจกรรมสร้างความสัมพันธ์สามัคคีในองค์กร เพื่อลดความขัดแย้ง ดึงศักยภาพด้วยการทำงานเชิงรุก

1.กิจกรรม One Team we are go.. เพื่อการสร้างทีมด้วยการใช้ความคิดและศักยภาพที่แตกต่างอย่างในแต่ละบุคคล โดยการเลือกทัศนคติและมุมมอง 4 มิติ

วิทยากรจะแจกโจทย์ให้เลือกเป็นความลับ

วัตถุประสงค์เพื่อ ค้าหาความแตกต่างด้านความคิด

แต่เชื่อมโยงด้วยการสร้างความสัมพันธ์ด้วยการทำกิจกรรม

โดยกิจกรรมนี้จะทำให้เกิดการแบ่งทีมขึ้นเป็น4 ทีมเพื่อดำเนินกิจกรรมและเรียนรู้ตามรายละเอียดแต่ละหัวข้อต่อไป

- การสร้างวัฒนธรรมขององค์กรที่ดี สู่การปรับใช้ในพนักงาน

2.เรียนรู้ วัฒนธรรมองค์กร และบทบาทหน้าที่รับผิดชอบของพนักงานในแต่ละตำแหน่ง

Responsibility Awareness, Mindset


Part:1 บทบาท หน้าที่ของพนักงานยุคใหม่/Responsibility

1.1Smart employee พนักงานยุคใหม่กับการเตรียมความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ในภาพรวมขององค์กร

1.2ตระหนักถึงบทบาทของพนักงานยุคใหม่และความคาดหวังขององค์กรเพื่อการถ่ายทอด Direction ในรูปแบบ One-way Direction

1.3 ศิลปะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่จะทำให้ได้ทั้งงาน ได้ทั้งใจ

- กิจกรรมเดี่ยวเพื่อการมวิเคราะห์หาจุดเด่น และจุดด้อยในตนเอง

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

1.1ปรับกรอบความคิดของหัวหน้างาน เพิ่มวิสัยทัศน์ ที่กว้างไกลให้ทันกับวิถีโลกที่มีการมีเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือ กับทุกสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการบริหารงานในอนาคต โดยหัวหน้างานจะต้องเข้าใจรู้ ในทุกอย่างที่เกิดขึ้นในองค์กร

1.2พนักงานที่ดีจะต้องตระหนักถึงบทบาทของตนเอง และเข้าใจถึงความคาดหวังขององค์กร ไม่ใช่เพียง แค่มีความรู้ความสามารถในงานที่รับผิดชอบเท่า นั้น แต่ต้องสามารถทำงานร่วมกันกับผู้อื่นได้เป็น อย่างดี ดังนั้นพนักงานที่มีศักยภาพที่ดี ควรมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

  ต้องเข้าใจในบทบาทหน้าที่ (Role and Responsibility)

  มีวิธีในการสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง (Self motivation Technique)

  มีการการทำงานภายใต้เวลาที่กำหนด (Time Management)

  ต้องมีภาวะความเป็นผู้นำ (Leadership Skill)

  มีการติดตามงาน (Job Follow Up)

  มีทักษะในการทำงานและการอย่างมืออาชีพ (High Performance)

1.3 เพื่อการทำงานอย่างราบรื่นต้องใช้ศิลปะในการ ทำงานร่วมกับผู้อื่น ที่จะทำให้ได้ทั้งงานได้ทั้งใจ ได้ทั้งงานของหัวหน้า และเพื่อนร่วมงาน สิ่งสำคัญ ที่ควรมีคือ ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งทฤษฎีทีนำมา ใช้ในการบรรยายในหัวข้อนี้คือ (emotional intelligence) ซึ่งมี 5 องค์ประกอบคือ

  Self-awareness (รู้จักตนเอง ทั้งจุดแข็ง จุดที่ต้องปรับปรุง)

  Self-regulation (ควบคุมตนเองได้ ทั้งด้านอารมณ์ และการปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง)

  Social skill (มีทักษะในการปฎิสัมพันธ์ และชี้แนะผู้อื่นได้)

  Empathy (มีความเห็นอกเห็นใจ)

  Motivation (สร้างแรงบันดาลใจให้ทั้งตนเอง และผู้อื่นได้)

- นอกจากการมี emotional intelligence ที่ดีแล้ว การมีพฤติกรรมผู้นำที่เหมาะสมก็จะส่งผลถึงการสร้าง ความไว้ใจของหัวหน้างาน โดยได้นำเครื่องมือ ในการจัดการด้าน Responsibility Base

4 องค์ประกอบมาใช้ประกอบการบรรยาย

  -สื่อสารเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา

  -ยอมรับอย่างไม่ตัดสินใจ

  -พูดจริงทำจริง

  -พูดและทำในสิ่งที่เชื่อ

กิจกรรมเดี่ยว เพื่อการมวิเคราะห์หาจุดเด่น และจุดด้อยในตนเอง

กติกา: สุ่มเลือกรายชื่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 5 ท่าน ด้วยการหมุนวงล้อ หากลูกศรหยุดชี้ ที่ด้านใดของวงล้อนั้น ผู้ที่ได้รับการสุ่มรายชื่อ จะได้รับโจทย์ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และมุมมองด้านการบริหารงานของตนเอง


Part2: การบริหารงานเชิงรุกในยุคใหม่

2.1 สื่อสารแบบนักทำงานเชิงรุก.

2.2 New Style Management

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

2.1 สื่อสารแบบนักทำงานเชิงรุก. การสื่อสารเชิงบวกเพื่อสร้างแรงจูงใจและแรงขับเคลื่อนในการทำงาน.เชิงรุก (เริ่มต้นด้วยกิจกรรมและสรุปเนื้อหาด้วยการบรรยาย)

  •เทคนิคการสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ (เธอ ฉัน เรา รัก และแบ่งปัน) เทคนิคการสื่อสารเพื่อบริหารงาน จูงใจ และพัฒนาทีมงานในสถานการณ์ต่าง ๆ เทคนิคการสื่อสารเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงงาน

2.2 New Style Management

เรียนรู้เทคนิคการบริหารจัดการทีมงาน รูปแบบ New Style Management ซึ่งเป็นหัวข้อที่นำด้านพฤติกรรมศาสตร์. การปรับตัวของ คนในยุค New normal มาใช้ และนำข้อมูลด้าน Bigdata และ Mega trend มาใช้อย่างลงตัว


Part:3 เทคนิคการบริหารคน

- เรียนรู้ทักษะในด้านต่าง ๆ กับการบริหารงานแบบ 360”

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

3.1 เทคนิคการบริหารคน

เรียนรู้ทักษะในด้านต่างๆ กับการบริหารงานแบบ 360”

  ทักษะด้านการบริหารที่จำเป็นสำหรับการเป็นสุดยอดหัวหน้างาน

  ทักษะด้านการวางแผนงานและการบริหาร เวลา

  ทักษะด้านการแก้ไขปัญหาและการตัดสินใจ

  ทักษะด้านการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพ งาน.

  ทักษะด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลง

  ทักษะการสร้างวัฒนธรรมองค์กร


Part:4 Conflict management /การบริหารจัดการความขัดแย้ง

ผลที่คาดว่าจะได้รับ

4.1 Conflict management /การบริหารจัดการความขัดแย้ง

  ศึกษาพฤติกรรมของพนักงานเจ้าปัญหา เหตุแห่งข้อขัดแย้ง

  วิเคราะห์สถานการณ์ที่นำมาสู่วิกฤติของข้อขัดแย้งในบริบทของการทำงาน

  ประเภทของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่นำมาสู่ข้อขัดแย้ง ที่ความรู้สึก การเปลี่ยนความรู้สึกพ่ายแพ้เป็นการได้รับ ชัยชนะ

  แนวทางการบริหารความขัดแย้งแบบ TKI

กิจกรรมที่จะใช้ความรู้ที่อบรมมาทั้งวัน สู่การแก้โจทย์ปัญหา สู่การเป็นผู้นำเชิงรุก วิทยากรจะแจกโจทย์ให้ทำแข่งขันกันในแต่ละกลุ่ม

กิจกรรมกลุ่ม The power of leadership

สรุปเนื้อหารการอบรม

จบการบรรยาย


วิทยากร
ภาษาในการบรรยาย
ไทย
ประกาศนียบัตร

สัมมนานี้ได้รับประกาศนียบัตร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
อย่าลืมบอกผู้จัดงานว่าเห็นประกาศจากเวป "สัมมนาดีดี" นะคะ
ชื่อหน่วยงาน/บริษัท:SeminarDD Academy
ชื่อผู้ประสานงาน:ผู้จัดงาน
เบอร์โทรศัพท์ :097-474-6644

หากท่านต้องการสมัคร หลักสูตร เพิ่มศักยภาพผู้นำกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ (The power of leadership)
กรุณากดปุ่ม 'สมัครเข้าฟัง' ด้านล่างนี้


ค่าฝึกอบรมสามารถหักค่าใช้จ่ายทางภาษีนิติบุคคลได้ 200%
ลงชื่อเพื่อจองสัมมนาในรอบถัดไป
(ถ้ามีจัด ท่านจะได้สิทธิ์ก่อน)
สามารถติดต่อได้ที่
โทร. 097-474-6644
อีเมล์ [email protected]
ไลน์ไอดี @seminardd

หลักสูตรนี้สามารถจัดแบบ In-House Training (สอนเฉพาะองค์กรของคุณ) ได้ทั้งแบบ Onsite และ Online ขอใบเสนอราคา In-house Training

คำค้นประกาศนี้ Tags: The power of leadership, เพิ่มศักยภาพผู้นำกับการบริหารงานแบบมืออาชีพ, การบริหารจัดการความขัดแย้ง, เทคนิคการบริหารคน

หลักสูตรฝึกอบรมอื่นๆที่น่าสนใจของผู้จัด